ขณะนี้มีผู้เข้าชม

เรามี 7 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

ซื้อบ้านจัดสรรในโครงการหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมแต่กู้ไม่ผ่านโดนริบเงินจอง เงินมัดจำ และเงินดาวน์ทำอย่างไร

                  โดยปกติการซื้อบ้านจัดสรรในโครงการหมู่บ้านจัดสรรต่างๆ หรือซื้อคอนโดมิเนียมอาคารชุดต่างๆ มักจะต้องเสียเงินจองก่อนมาทำสัญญาจะซื้อจะขาย  ต่อมาในวันทำสัญญาจะซื้อจะขายต้องชำระเงินมัดจำเพื่อเป็นประกันว่าจะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขาย  และชำระเงินดาวน์เป็นงวดๆ หลังทำสัญญาจะซื้อจะขาย  ประเด็นที่เกิดขึ้นบ่อยๆ คือ ขอสินเชื่อจากธนาคารแล้วกู้ไม่ผ่าน โครงการจึงขอริบเงินจอง เงินมัดจำ และเงินดาวน์ที่ชำระไปแล้ว  ซึ่งการขอสินเชื่อไม่ผ่านไม่ใช่เพราะความผิดของผู้จะขาย ผู้จะขายมักจะเขียนสัญญาว่าให้มีสิทธิริบได้  เมื่อผู้จะซื้อไปทวงถามก็มักจะอ้างข้อสัญญาว่าผู้จะขายมีสิทธิริบได้  หรือขอคืนแต่คืนในอัตราน้อยมาก  กรณีดังกล่าวต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเงินจองและเงินมัดจำเป็นเงินที่ชำระเพื่อประกันการปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายมีลักษณะเป็นมัดจำ เมื่อผู้จะซื้อผิดสัญญาผู้จะขายย่อมริบได้ในฐานะที่เป็นมัดจำ  ส่วนเงินดาวน์เป็นเงินที่จ่ายหลังทำสัญญาจะซื้อจะขายไม่ใช่มัดจำแต่เป็นส่วนหนึ่งของการชำระหนี้ผู้จะขายไม่มีสิทธิริบ  แต่ในทางปฏิบัติผู้จะขายจะเขียนสัญญายกเว้นไว้ว่าให้ผู้จะขายมีสิทธิริบได้  เมื่อผู้จะซื้อทวงเงินดังกล่าวก็มักจะถูกอ้างข้อสัญญาเพื่อไม่ยอมคืนเงินดังกล่าว  กรณีดังกล่าวสำนักงานฯ ขอเสนอความเห็นว่าควรเร่งฟ้องคดีโดยด่วนโดยควรต้องอ้างอิงหลักกฎหมายพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 หรือพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2542 ในเรื่องแบบของนิติกรรม ประกอบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150  และควรต้องอ้างเหตุของการที่ธนาคารไม่อนุมัติการกู้อันไม่ใช่ความผิดของผู้จะซื้อให้ศาลเห็นด้วย เช่น ถูกเลิกจ้าง หรืออนุมัติบางส่วนแต่ไม่เพียงพอ หรือสภาวะเศรษฐกิจ จำนวนสถาบันการเงินหลายแห่งที่ขอสินเชื่อ การโฆษณาของผู้จะขายว่าจะติดต่อสถาบันการเงินเป็นกรณีพิเศษ หรือผู้จะขายไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เนื่องจากขายบ้านได้ต่อไป  หรือจำนวนเงินที่ชำระไปทั้งหมดเป็นเงินจำนวนมากเกินไป เป็นต้น  ดังนั้นการตั้งรูปเรื่องการฟ้องคดีลักษณะดังกล่าวจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างที่สุด เนื่องจากโครงการหมู่บ้านจัดสรร หรือโครงการคอนโดมิเนียมมักเขียนสัญญาให้ตนเองได้รับประโยชน์มากที่สุด  By www.siaminterlegal.com