ขณะนี้มีผู้เข้าชม

เรามี 2 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

เขียนอุทธรณ์คดีอาญาอย่างไรให้ชนะคดี

               การยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นให้ยื่นต่อศาลภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่าน หรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น และห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีซึ่งอัตราโทษอย่าสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่กรณีต่อไปนี้ให้จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ (1) จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกหรือให้ลงโทษกับขังแทนโทษจำคุก (2) จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่ศาลรอการลงโทษไว้ (3) ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด แต่รอการกำหนดโทษไว้ หรือ (4) จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษปรับเกินหนึ่งพันบาท (ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ) 

              การเขียนและเรียงคำฟ้องอุทธรณ์นั้นนับว่าเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งและใช้ฝีมือมาก   โดยทนายที่มีประสบการณ์มากๆ  มักจะใช้ถ้อยคำ  วลี สำนวนที่เป็นภาษาด้านกฎหมายในการเรียงฟ้องอุทธรณ์  และมีการเน้นคำหรือโน้มน้าวให้เห็นข้อเท็จจริงและข้อกฏหมายที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี  และในขณะเดียวกันก็จะเป็นการทำลายน้ำหนักหรือข้ออ้างอิงของคู่ความฝ่ายตรงข้ามไปด้วยในตัว  โดยจะอธิบายให้เห็นหลักกฎหมายและปรับข้อเท็จจริงเข้ากับข้อกฎหมายดังกล่าวให้กระจ่างและเห็นแนวทางว่าคำตัดสินนั้นไม่ชอบด้วยความเห็นพ้องอย่างไร และที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไรด้วยหลักเกณฑ์และเหตุผลอย่างไรทั้งสิ้นทั้งปวง  อีกทั้งยังเทียบเคียงกับแนวคำพิพากษาศาลฏีกาที่เคยตัดสินไว้เป็นบรรทัดฐานประกอบหรืออ้างอิงไว้ด้วย เพื่อประโยชน์แก่ศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคแล้วแต่กรณีจะได้นำไปค้นคว้าและนำมาประกอบการเขียนคำพิพากษา  ซึ่งต้องยอมรับว่าในประเทศไทยหากมีคำพิพากษาศาลฏีกาเคยวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วคดีต่อๆ มาก็ล้วนจะตัดสินไปในแนวทางด้วยกันทั้งหมด

              ดังนั้นหลักการเขียนอุทธรณ์ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องใช้ความรู้ด้านกฎหมายและประสบการณ์เฉพาะตัวของทนายความแต่ละคนโดยแท้  รวมทั้งการใช้ถ้อยคำ วลี สำนวนให้สละสลวยมุ่งโดยตรงต่อน้ำหนักการรับฟังของศาลหรือผู้อ่านด้วย  ซึ่งผู้อุทธรณ์จะใช้ทนายความคนเดิมหรือแต่งตั้งทนายความคนใหม่ในการดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์ก็ได้ทั้งสิ้น   By www. siaminterlegal.com